ขายกลูต้าไทโอนราคาส่ง (หิ้วมาเอง)
กลูต้าไทโอนแบบเพียวๆ 500 mg.
- กระปุก 60 เมด ราคา 550 บาท (ซื้อส่ง 3 กระปุก)
**ขอแนะนำเดือนแรกให้ทานวันละ 2 เมดค่ะ ก่อนทานเข้าเช้า 1 ชม. และก่อนนอน ให้ทานวิตามินซี 1000 mg.ควบคู่ค่ะ เพื่อความใสแลtขาวไว เพราะวิตามินซีจะช่วยผลัดเซลผิวและช่วยให้ร่างกายเราดูดซึมกลูต้าไทโอนได้มากขึ้นค่ะ พยายามหลบแดด และทาครีมทุกครั้งที่ออกข้างนอกค่ะ รับรองไม่มีผลข้างเคียงในระยะสั้นและยาวค่ะ รับรองผล สำหรับคนที่ ผิวสีน้ำตาลอ่อน 1 - 2 เดือนค่ะ ส่วนมาก 1 เดือนเหนผลชัดเจนค่ะ แล้วแต่สีผิวค่ะและการดูแล
วิตามินซี 1000mg.
-กระปุก 100 เมด ราคา 1700 บาท
L-carnitine plus (ช่วยเผาผลาญไขมัน)
-กระปุก 30 เมด ราคา 510 บาท
~~~~ซื้อ3กระปุกขึ้นไป เหลือกระปุกละ 450~~~~~
***วิธีรับประทาน วันละ 2 แคปซูล ก่อนอาหารเช้ามื้อหนักๆ 30 นาที ก่อนออกกำลังกาย 30 นาที ตัวนี้ถ้าออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยยิ่งดีค่ะ ถ้าไม่ออกกำลังกายเปลี่ยนเปนไปทาน ก่อนอาหารเยนมื้อหนักๆ แทนค่ะ ขายดีมากในคลีนิกค่ะ ***
ส่วนประกอบสำคัญ
L - carnitine 500 mg
โครเมียม 100 mg
ถั่วขาว 200 mg
แคปซิซัม 100 mg
ส้มแขก 80 mg
-------------------------------------------------------
glutathione (กลูตาไทโอน)
เป็นสารประเภท Tripeptide ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ Cysteine, Glycine และ Glutamic acid กลูตาไธโอนเป็นสารแอนซิแดนท์ชนิดละลายน้ำได้ที่สำคัญที่ร่างกายสร้างขึ้น และเป็นพื้นฐานสำหรับสารแอนติออกซิแดนท์อื่นๆที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมทั้งกลูตาไธโอนเปอร์ออกซิเดส สารประกอบกลูตาไธโอนช่วยปกป้องร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยตับในการย่อยสลายสารพิษ
ซึ่งร่างกายของเราจะผลิตมากขึ้นหากได้รับสารพิษเข้าไปเช่นจากน้ำดื่ม ยาฆ่าแมลง สารเคมีต่างๆ อาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำลายเซลล์ร่างกายเราและระบบร่างกาย
เนื่องจากกลูตาไธโอนเป็นสารที่มีความสำคัญจึงได้มีการติดตามผลการรับประทานสารชนิดนี้เป็นอาหารเสริมเป็นเวลาหลายปีโดยตั้งคำถามเกี่ยวกับการดูดซึมของสารอาหารชนิดนี้ นักชีววิทยาด้านเซลหลายคนเชื่อว่ากลูตาไธโอนถูกย่อยสลายให้เป็นส่วนประกอบย่อยที่มีคุณสมบัติป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน(ได้แก่กลูตาเมท ซิสเตอีน และกลัยซีน) ในระหว่างการย่อยสลาย แต่กลูตาไธโอนในรูปที่ยังไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนนี้เมื่อทำงานร่วมกับสารแอนไธไซยานิดีนส์(grape seed extracts) ที่มีคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนท์แล้ว ปรากฏว่าร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายและเป็นประโยชน์ในทางการรักษาโรค
กลูต้าไธโอนได้รับสมญาว่า”หัวหน้าสารต้านอนุมูลอิสระ” มันช่วยให้เรามีสุขภาพดี และชวิตยืนยาว คนที่ต้องสัมผัสกับสารพิษปริมาณมากๆ (ที่เห็นชัดๆก็พวกที่ตั้งใจรับเข้าไปเองเช่น การดื่มเหล้า เบียร์ อัลกอฮอล์)จะมีการใช้กลูต้าไธโอนที่ร่างกายสร้างเองอย่างมาก(ซึ่งบางครั้งไม่เพียงพอ) หากร่างกายไม่มีกลูต้าไธโอนเซลล์จะตายอย่างรวดเร็ว นำไปสู่ความชรา และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคซึ่งกระตุ้นด้วยอนุมูลอิสระเช่นมะเร็ง
กลูต้าไธโอนมีการใช้อย่างแพร่หลายและกว้างขวาง ปัจจุบันเราพบว่าเอาไปใช้ลดอาการเมาค้างเช่น แว๊กกี้ แฮงค์ อาหารผิวเพื่อขาวใสเช่น อิมิดีน บลิ๊งค์ ไอไบร้ท์ นูไวท์ คิวมารีน ลูมินัส (ราคาในท้องตลาดมีราคาแพงโดยเฉพาะส่วนผสมที่มีกลูต้าไธโอน 250 มก.) เป็นที่นิยมของดารา นางแบบ นายแบบ อย่างมาก
การรักษาระดับของกลูตาไธโอนในรูปที่ยังไม่ได้ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนให้เพียงพออาจช่วยชะลอกระบวนการชราและเพิ่มความต้านทานโรคได้เช่นกัน
เป็นสาร Detoxification เปลี่ยนสารพิษให้อยู่ในรูปที่ไม่เป็นพิษ เพื่อขับถ่ายทิ้ง
เร่งประสิทธิภาพการทำงานของวิตามิน C และ E และทำให้อยู่ในรูปที่ดูดซึมได้เร็วขึ้น
พบได้ใน ปลา, เนื้อม Asparagus ,อะโวคาโด, วอลนัท
หน้าที่หลักของสารตัวนี่ที่เด่นมีอยู่ 3 ประการ คือ
1. Detoxification : กลูตาไทโอนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathion-S-transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้นและง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับ1 จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด (Overdose) ฯลฯ
2. Antioxidant : กลูตาไทโอนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ที่มีความสำคัญตัวหนึ่งในร่างกาย และหากขาดไป วิตามินซีและอี อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่
3. Immune Enhancer : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย2 โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้กลูตาไทโอน ยังช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีนและ prostaglandin
ผลข้างเคียงในปัจจุบันยังไม่พบผลข้างเคียง
มีเพียงผลข้างเคียงเดียว แต่กลับเป็นผลข้างเคียงพึงประสงค์ของผู้หญิงเอเซียนั่นก็คือ”การที่มีผิวขาวใสขึ้น”
กลูต้าไธโอนทำให้เกิดอะไรกับร่างกายเรา
o ทำให้ผิวขาวขึ้น
o ลดริ้วรอยจุดด่างดำ
o ป้องกันสิวและรอยดำจากสิว
o ลดริ้วรอย จากวัย
o ทำให้ผิวเนียน ใส และเปล่งประกาย
ส่วนหน้าที่ในการเป็นสุดยอดของสารต้านอนุมูลอิสระช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
• อาจช่วยป้องกันมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งตับ
• ปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ
• ช่วยกำจัดสารนิโคติน
• ช่วยเสริมฤทธิ์การทำงานของตับในการกำจัดสารพิษ
• มีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งและใช้ในการรักษามะเร็ง(โดยเฉพาะที่มีการทำงานของตับเสียไป)
• ช่วยเพิ่มปริมาณเชื้ออสุจิ
ระดับของกลูต้าไธโอนที่ต่ำลงพบในกรณี
• • ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเสื่อม
• • โรคที่การเสื่อมของระบบสมองและประสาทเช่น multiple sclerosis ,ALS, Alzheimer, and Parkinson's disease
• • ภาวะเป็นหมันในเพศชาย
• • ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์
• • โรคหลอดเลือดเสื่อม
• • ต้อกระจก
• • ภาวะที่ได้รับยาเกินขนาด(โดยเฉพาะพาราเซตามอล)
• • มะเร็ง
• • เอดส์
• • แต่มีส่วนช่วยในต้านโรคหัวใจขาเลือด แก่ก่อนวัย โรคเรื้อรังต่างๆ
• • หมายเหตุ : มิได้หมายความว่ากลูต้าไธโอนใช้ในการรักษาโรคเหล่านี้
ใครควรเสริมกลูต้าไธโอน
• คนที่ติดบุหรี่ ดื่มอัลกอฮอล์
• อายุมากกว่า 40 ปี พวกที่ออกกำลังกายมาก เสริมสร้งหุ่น
• ชายที่จำนวนสเปิร์มน้อย ผู้เป็นโรคตับ
• ต้อกระจก ฟื้นจากเคมีบำบัด
• สำผัสสารเคมีฆ่าแมลงเป็นประจำ คนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
• ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
ที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิงทั่วไปที่ต้องการในผิวเนียน ใส กระจ่าง (เป็นเหตุผลที่คนเสริมกลูต้าไธโอนมากที่สุด)
ผลข้างเคียง ในปัจจุบันยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆรายงาน และไม่มีรายงานความเป็นพิษ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในระยะสั้นหรือระยะยาว ระดับความปลอดภัยจัดเป็น “อาหารเสริม” ไม่ใช่ “สมุนไพร” การผลิตโดยทั่วไปผ่านกระบวนการสังเคราะห์ ผลข้างเคียงที่มีรายงานคือการกินปริมาณสูงติดต่อกันจะทำให้ผิวขาวใสขึ้น
ข้อห้ามใช้ : ยังไม่มีข้อห้าม แต่ไม่แนะนำสำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ และให้นมบุตร (ยังไม่มีการศึกษาเพียงพอแต่ไม่มีรายงานความเป็นพิษในคนกลุ่มนี้)
ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งที่ยังอยู่ในช่วงให้เคมีบำบัด และฉายแสง(การรักษาจะกระตุ้นในเกิดภาวะอนุมูลอิสระเพื่อหวังผลการักษา) แต่มีบางรายงานมีการใช้กลูต้าไธโอนในการรักษาช่วยลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด แต่ไม่ลดฤทธิ์ของการรักษา
ปฏิกิริยากับยาอื่น : ยาจิตเวช haloperidol ,chemotherapeutic drug:cisplatin
กลไกที่ทำให้ผิวขาวของกลูต้าไธโอน
เกิดจากกระบวนการสร้างเมลานิน โดยกลูต้าไธโอนไปลดการสร้างโดยการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส และกระตุ้นให้สร้างฟีโอเมลานิน(สีอ่อนขาวชมพู) มากกว่ายูเมลานิน(เมลานินสีคล้ำ)
ผลของกลูต้าไธโอน ในเรื่องความขาวก็ต้องขึ้นกับสีผิวเดิมของผู้ที่เริ่มกิน หากมีสีผิวอ่อนอยู่แล้วก็เห็นผลไว แต่หากมีสีผิวคล้ำเดิมต้องรอให้ร่างกายสร้างเม็ดสีอ่อนใหม่ และเซลล์ผิวเก่าที่มีสีคล้ำผลัดหมดก่อน หากคล้ำมากอาจใช้เวลาเป็นปี
จากผลการทดลองพบว่าผู้ที่มีผิวสี
• ผิวสีน้ำตาลอ่อน : ใช้เวลาให้ขาวใส ประมาณ 1 - 3 เดือน
• ผิวสีน้ำตาลเข้ม : ใช้เวลาให้ขาวใส ประมาณ 3 - เดือน
• ผิวเข้มมาก : ใช้เวลาให้ขาวใส ประมาณ 6 - 12เดือน
• ผิวดำ(เช่นนิโกร) :ใช้เวลาประมาณ 2 ปีหรือมากกว่า
เมื่อร่างกายได้รับปริมาณที่เหมาะสมจะควบคุมการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้ผิวหน้าและผิวกาย สวยขาวใส ไร้ริ้วรอยด่างคำ รวมถึงผิวทั่วเรือนร่าง เช่น ผิวใต้วงแขน ผิวบริเวณ บิกินี สีผิวริมฝีปากและสีผิวบริเวณหัวนม แลดูจางลง ขาวอมชมพูขึ้น และยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำงานร่วมกับวิตามินซี จะช่วยในเรื่องการดูดซึมและต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ที่ผิดปกติ อันเป็นสาเหตุของการเกิดความคล้ำของสีผิว กระ ริ้วรอยโดยช่วยให้ขนาดและความเข้มของรอยหมองคล้ำค่อยๆลดลง คืนความยืดหยุ่น เนียนสวยเป็นธรรมชาติ เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุดของโปรตีนคอลลาเจน และอิลาสติน บำรุงผิวพรรณ ช่วยลดปฏิกิริยาการเพิ่มเม็ดสีผิว เมื่อผิวหนังโดนแสงแดด และลดขนาดและความเข้มของฝ้าโดยไม่มีผลข้างเคียง
-------------------------------------------------------
ประโยชน์ของ วิตามินซี
เราทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า วิตามินซี มีประโยชน์มากมากหลายอย่าง ไม่ว่าจะช่วยปกป้องเซล เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สุขภาพและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับ เส้นเอ็น และคอลลาเจน ก็มีผลมาจากปริมาณ วิตามินซี ในร่างกาย และ วิตามินซี ยังมีฤทธิ์ในการเป็นสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่ดี จึงสามารถป้องกันการทำลายเซลจากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และมันช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทาน วิตามินซี ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย เป็นต้น
นอกจากนี้ วิตามินซี ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีก คือ
► วิตามินซี ช่วยบรรเทาความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นโรคหวัด หากเริ่มรับประทาน วิตามินซี ตั้งแต่เริ่มแรกที่เห็นอาการของโรคหวัด จะช่วยให้อาการป่วยลดความรุนแรงและหายได้เร็วขึ้น มีการศึกษาเมื่อปี 1995 พบว่าหากรับประทาน วิตามินซี 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวันตั้งแต่เริ่มมีอาการของโรคหวัด จะช่วยให้หายได้เร็วขึ้น 21% แต่ก็ยังไม่มีรายงานว่า วิตามินซี สามารถช่วยป้องกันโรคหวัดได้
► วิตามินซี ช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น เนื่องจาก วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยการไปเสริมสร้างผนังเซล ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านอาการอักเสบ จึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น ในทางกลับกันการขาด วิตามินซี ก็สงผลให้แผลให้ได้ช้าลงเช่นกัน
► หากรับประทาน วิตามินซี เป็นประจำทุกวัน มันจะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพแข็งแรง โดย วิตามินซี จะไปช่วยรักษาเซลที่ถูกทำลายและช่วยให้แผลที่เหงือกหายเร็ว
► เพิ่มความต้านทานต่อ โรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับ คลอเรสเตอรอล ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานร่วมกับ วิตามินอี โดยมันจะไปลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด
► เนื่องจาก วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี มันจึงอาจจะช่วยในการป้องกันและต่อสู้กับโรค มะเร็ง ได้ มีการศึกษาอย่างมากในเรื่องนี้แต่ก็ยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจน โดยยังมีการถกเถียงกันอย่างมากเกี่ยว วิตามินซี กับการป้องกันและต่อสู้กับโรค มะเร็ง
► ช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก เนื่องจาก วิตามินซี สามารถช่วยปกป้องเลนส์ตาจากอันตรายต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ แสงอุลตร้าไวโอเลต ที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรคต้อกระจก มีการศึกษาอันหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่รับประทานวิตามินซีมาอย่างน้อย 10 ปี พบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการเลนส์ตาขุ่นมัวซึ่งเป็นอาการเริ่มแรกของโรคต้อกระจก ลดลงถึง 77%
► บรรเทาอาการแพ้ หอบหืด ไซนัส ทั้งนี้เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้ว วิตามินซี มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง เกษรดอกไม้ ซึ่งอาการแพ้เหล่านี้ก็เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของโรคไซนัส นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า วิตามินซี ช่วยป้องกันและทำให้อาการหอบหืดดีขึ้น
► ช่วยป้องกันอาการไมเกรน เมื่อรับประทานร่วมกับ pantothenic acid โดย วิตามินซี จะไปช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเครียดได้ดีขึ้น
ช่วยเรื่องความจำ โดย วิตามินซี จะไปช่วยรักษาสภาพของเซลประสาทและจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากรับประทานร่วมกับอาหารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน กิงโกะไบโลบ้า และโคเอนไซม์ Q10
ขนาดที่รับประทาน
ในสภาวะปกติปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคือ 60 มิลลิกรัมต่อวัน (แต่ในคนที่สูบบุหรี่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน) อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเสริมสุขภาพได้แนะนำว่าเพื่อประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพควรจะต้องรับประทานอย่างน้อย 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน คนที่มีความเครียดควรรับประทานวันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่หากต้องการผลในด้านการป้งกันโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง ความชรา ควรจะรับประทาน 250 – 1,000 มิลลิกรัม
หากเราได้รับ วิตามินซี น้อยกว่าที่ร่างกายควรจะได้รับ ก็จะเกิดลักปิดลักเปิด ซึ่งจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและไม่ต้องกังวัลว่าจะได้รับมากเกินไป เนื่องจาก วิตามินซี สามารถละลายน้ำได้ดี หากร่างกายไม่ได้ใช้ก็จะมีการขับออกมาได้ทางปัสสาวะ อีกทั้งยังไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับพิษที่เกิดจากการรับประทาน วิตามินซี แม้จะรับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 6,000 - 18,000 มิลลิกรัม
ปริมาณแนะนำที่ควรบริโภคต่อวัน
► ขนาดรับประทาน 300 mg ต่อวันนั้น สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการทานเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงตามปกติ
► ขนาดรับประทาน 600 – 1,000 mg นั้น สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการรับประทานเพื่อป้องกันโรคหวัด, ทานเพื่อป้องกันท้องอืด
► ขนาดรับประทาน 1,000 – 2000 mg ต่อวันนั้น เป็นปริมาณที่พอเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานเพื่อป้องกันโรคหวัด, ต้านสารอนุมูลอิสระที่อาจให้ก่อมะเร็ง และเพื่อให้อายุยืน
► ถ้าขนาดรับประทาน 2000-3000 mg นั้น เหมาะสำหรับป้องกันโรคหัวใจ, โรคไขข้ออักเสบ, โรคหืดหอบ, โรคความเสื่อมของสมอง, และรักษาโรคทางสายตา, และผู้ที่ต้องการให้เซลล์ผิวหนังสามารถดูดซึมความชุ่มชื้นได้ดี ผิวพรรณดูสดใส เปล่งปลั่ง เต่งตึง สมานบาดแผล ลบรอยแผลเป็น และปรับเซลล์ผิวหนังมิให้เหี่ยวย่น และลดริ้วรอยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ข้อปฏิบัติในการรับประทานเพื่อประโยชน์สูงสุด
► เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดควรพิจารณารับประทานร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ เช่น วิตามินอี ฟลาโวนอย จะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ วิตามินซี
► เพื่อสุขภาพทั่วไป ควรรับประทานอย่างน้อย 500 มิลลิกรัมต่อวัน
► สำหรับการรับประทานเพื่อการรักษาหรือการป้องกัน ควรรับประทาน 1,000 – 6,000 มิลลิกรัม ขึ้นกับโรคแต่ละชนิด
► การรับประทานไม่จำเป็นต้องรับประทานในครั้งเดียวต่อวัน สามารถแบ่งรับประทานเป็นหลายๆ ครั้งต่อวัน
► การรับประทาน วิตามินซี ไม่จำเป็นต้องรับประทานพร้อมอาหาร หรือทานอาหารก่อนการรับประทาน
►ยังไม่มีรายงานว่า วิตามินซี ชนิดพิเศษพวก Esterifies วิตามินซี จะให้ผลดีกว่าวิตามินซีแบบธรรมดา
------------------------
แอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) เป็นชื่อกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ผลิตได้ที่ตับ โดยมีการสังเคราะห์จาก กรดอะมิโน 2 ชนิด คือ Lysine และ Methionine พร้อมกับอาศัยตัวเร่งให้เกิดการสังเคราะห์ได้แก่ Niacin วิตามิน B6 C และธาตุเหล็ก โดยปกติจะพบในสัตว์เนื้อแดงชนิดต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนกล้ามเนื้อลายจะมากเป็นพิเศษ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น หน้าที่หลักของ Carnitine จะช่วยลำเลียงโมเลกุลไขมันเล็กๆเข้าไปใช้ในเซลล์ต่างๆ ซึ่งในจุดนี้เองที่จะทำให้เกิดการนำไขมันไปเปลี่ยนเป็นพลังงาน ดังนั้นหากร่างกายขาดสาร Cranitine หรือมีไม่เพียงพอที่จะเป็นตัวพาเม็ดไขมันไปเผาผลาญแล้วละก็ ปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากไขมันสะสมก็จะเป็นเรื่องตามมาส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความอ้วน การสะสมของไขมันตามหลอดเลือด ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ปัญหาไขมันในเลือดสูงและมีความดันโลหิตสูงตามมาได้ นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแขนขา อ่อนเพลีย ซึมและเหนื่อยง่าย
แอลคาร์นิทีนกับการลดน้ำหนัก
ในส่วนบทบาทในการลดน้ำหนักและลดไขมันสะสม ดูเหมือนว่า L-carnitine น่าจะเป็นคำตอบที่ดีของคุณๆที่ประสงค์จะลดน้ำหนักด้วยสารธรรมชาติ เนื่องจากมีการทดลองนำเอาเซลล์ไขมัน (Adipose Tissue) ของคนอ้วนมาวิเคราะห์ พบว่าในเนื้อเยื่อดังกล่าวแทบจะไม่มี Carnitine อยู่เหลือเลย ดังนั้นจากความสัมพันธ์นี้เอง ทีมนักวิจัยจึงตั้งสมมติฐานว่า กลไกการลำเลียงไขมันเพื่อนำใช้ หากถูกขัดขวางด้วยวิธีใดก็ตาม ก็จะทำให้เกิดการสะสมของไขมันได้ แต่หากให้สารชนิดนี้เพิ่มเข้าไป ก็จะส่งผลให้อัตราการเผาผลาญของไขมันสะสมมากขึ้น
****ผลิตภัณฑ์นี้เป็นอาหารเสริมไม่ใช่ยาค่ะ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอันตรายและผลข้างเคียงเมื่อรับประทานค่ะ*****
รับประกันไม่กลับมาอ้วนอีกแน่นอนค่ะ เนื่องจาก L - carnitine นำไขมันไปสร้างเป็นกล้ามเนื้อ และเร่งการสลายไขมัน ไม่ใช่ยาระบายไขมันออกนะคะ แต่ที่ต้องรับประทานก่อนอาหารเพื่อให้ L - carnitine เข้าไป form molecule เพื่อนำไขมันไปสลายค่ะ**
เห็นผลไวใน 4 สัปดาห์ค่ะ จะมีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักลดลง หุ่นกระชับขึ้นค่ะ เนื่องจากมีมวลกล้ามเนือ แต่ไม่ใช่แบบนักเพาะกายนะคะ หุ่นจะเฟิร์มขึ้นค่ะ***
4 สัปดาห์จะลดประมาณ 3-5กิโลกรัมค่ะ อาจจะไม่ไวเท่ายาลดความอ้วนแต่รับรองว่าลดลงไม่มี yoyo effect แน่นอนค่ะ
พร้อมเพิ่มสารสกัดจากถั่วขาว เพื่อประสิทธิภาพที่ดีค่ะ
ครีมลดเลือนริ้วรอย สิว ฝ้า สบู่น้ำผึ้ง จากญี่ปุ่น
รับรองผล 7 วัน
ราคา 500 รับประกันคุณภาพ (หิ้วมาเองจากญี่ปุ่น)
สนใจติดต่อได้ที่ k . ploy
0869905653
ราคา: | 550 บาท | ต้องการ: | ขาย |
ติดต่อ: | k.ploy | อีเมล์: | |
โทรศัพย์: | 0869905653 | IP Address: | 203.147.53.68 |