วิตามินรักษาสิว วิตามินบี5 สำหรับคนเป็นสิว ช่วยลดและป้องกันสิว แก้ปัญหาหน้ามัน กินแล้วหน้าใส รูขุมขนเล็กลง ใช้แทนยารักษาสิว ไร้ผลข้างเคียง ปลอดภัยกว่าโรแอคคิวเทน และแอคโนติน แบ่งจำหน่ายในราคาเพียงเม็ด

วิตามินรักษาสิว วิตามินบี5 สำหรับคนเป็นสิว ช่วยลดและป้องกันสิว แก้ปัญหาหน้ามัน กินแล้วหน้าใส รูขุมขนเล็กลง ใช้แทนยารักษาสิว ไร้ผลข้างเคียง ปลอดภัยกว่าโรแอคคิวเทน และแอคโนติน แบ่งจำหน่ายในราคาเพียงเม็ดละ 6 บาทเท่านั้น    ขนาดบรรจุ  1 เม็ด   (100  mg.) จำหน่ายในราคาเม็ดละ  6  บาท (*สั่งซื้อขั้นต่ำ 60 เม็ดค่ะ)   คนส่วนใหญ่ต้องการวิตามิน B5 ให้กับร่างกายจำนวนมาก โดยปริมาณที่ร่างกายต้องการคือ 10 กรัมต่อวัน ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ได้ผลในการป้องกันสิว แม้ว่าวิตามินบี 5 นั้นเราจะสามารถได้รับโดยตรงจากอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน  แต่บางคนก็ยังคงขาดวิตามินตัวนี้  เช่น คนที่ไม่ชอบรับประทานผัก หรือเครื่องในสัตว์  ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างเอนไซม์ขึ้นมาทดแทนในส่วนที่ร่างกายสูญเสียไป   โดยปกติวิตามินบี 5 จะมีหน้าที่ในการสร้าง Coenzyme-A  ซึ่งคนที่เป็นสิวมากๆ มักจะขาดเอนไซม์ตัวนี้ จึงทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ไม่ดีพอ เมื่อต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามาก จึงทำให้เกิดสิว แต่หากร่างกายมีโคเอนไซม์เอเพียงพอก็จะทำให้เผาผลาญไขมันได้ปกติ  ทำให้หน้าไม่มัน และทำให้ไม่มีสิวในที่สุด โดย Roaccutane ที่พวกเรารู้จักกันก็มีหลักการทำงานคล้ายๆกันคือ จะไปบีบให้ต่อมไขมันผลิตไขมันน้อยลง ด้วยการไปบังคับให้ต่อมไขมันหดตัว ในขณะที่วิตามินบี 5 ไม่ได้ไปทำให้ต่อมไขมันหดตัวแต่ทำให้ร่างกายเผาผลาญไปแล้วจึงไม่มีไขมันออกมามากไป และจะทำให้รูขุมขนของคุณเล็กลงในเวลาต่อมา ซึ่งจะทำให้หน้าคุณชุ่มชื้น ดูเนียน เรียบผิว ไม่แห้งแตกเป็นขุย  โดยผลข้างเคียงน้อยกว่า Roaccutane   พูดง่ายๆก็คือ  ถ้ามีช่วงไหนที่ร่างกายของคุณขาดวิตามินบี 5 หรือกรดแพนโททีนิก  ก็จะทำให้มีCoenzyme-A ลดลง ซึ่งจะทำให้ร่างกายเราสร้างฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนขึ้นมาแทน ซึ่งฮอร์โมนแอนโดรเจน จะไปสร้างกรดไขมันอีกต่อหนึ่ง ทำให้เป็นสิวมากขึ้น ดังนั้นการรับประทาน วิตามินบี5 จึงช่วยคุมเรื่องของฮอร์โมนแอนโดรเจน และกรดไขมันไม่ให้มากเกินไปนั่นเอง   ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานเพื่อประโยชน์ในการรักษาสิว คือ  กรณีที่เป็นสิวมาก  1.  ให้คุณเริ่มจากทานวันละ 200 มิลลิกรัม  เท่ากับคุณเริ่มต้นรับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น  เป็นเวลา 3 วัน  2.  หลังจากผ่านไป 3 วันให้คุณปรับเป็นวันละ 300 มิลลิกรัมได้เลย โดยแบ่งรับประทานเป็นครั้งละ 1 เม็ด 3  เวลา คือ เช้า – กลางวัน-  เย็น  ติดต่อกัน เป็นเวลา 2 -3 เดือน   หลังทานวิตามินบี 5 จะช่วยให้คุณจะรู้สึกว่าดีขึ้นตั้งแต่อาทิตย์แรกที่รับประทาน บางคนก็บอกว่าเห็นผลตั้งแต่ 2 อาทิตย์แรก หลังจาก 3 เดือนสิวที่หน้าของคุณจะหายไปหมด ซึ่งคุณจำเป็นต้องรับประทานติดต่อกัน 3 เดือนทุกวัน   กรณีเป็นสิวเพียงเล็กน้อย ให้รับประทานในปริมาณที่แนะนำคือ เฉพาะช่วงที่เป็นสิวก็ได้ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 เดือน หลังจากนั้นก็รับประทานเพียงวันละ 1 เม็ด เพื่อป้องกันระดับฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) ในร่างกายไม่ให้สูงเกินไปและเพื่อรักษาระดับของ Coenzyme-A  ให้คงที่   หลังจากที่หน้าคุณดีขึ้นแล้ว :   คุณไม่จำเป็นต้องรับประทานปริมาณมากๆ อาจจะลดเหลือวันละ 1 เม็ดต่อวัน และถ้าสิวขึ้นมากก็ค่อยเพิ่มปริมาณ เช่นในช่วงมีประจำเดือน ให้รับประทานเพิ่ม  เป็นวันละ 2 - 3 เม็ด ** กรณีที่ต้องการรับประทาน วิตามิน B5  เพื่อรักษาและป้องกันสิว  ให้รับประทานวันละ 1 -2 เม็ด  เป็นประจำทุกวัน   ประมาณ 1 เดือน จะทำให้หน้าคุณดูเนียนเรียบ   ผิวคุณผลิตน้ำมันน้อยลง  ทำให้หน้าไม่มัน รูขุมขนเริ่มลดลง และทำให้ไม่มีสิวในที่สุด   (วิตามินบี 5 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ จึงทำให้เมื่อรับประทานเข้าไปมากๆ ร่างกายก็จะขับออกมา  จึงปลอดภัยกับร่างกายอย่างมาก)   ผลิตภัณฑ์ของMiniBrightSkincare เป็นเวชสำอางค์นะคะ Medical Grade ใช้แล้วไม่แพ้ ไม่ระคายเคืองแม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย  เพราะผลิตโดยเภสัชกรค่ะ  โดยเป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อให้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว  โดยผลิตภัณฑ์ของทางร้านจะหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจทำให้ผู้ใช้แพ้ได้  ผลิตภัณฑ์ทุกตัวปราศจากสารอันตราย สารต้องห้าม สารควบคุมทุกชนิดค่ะ   หรือหากอยากหน้าขาวใส ไร้สิว  ไร้ริ้วรอย  มีสุขภาพดีแบบปลอดภัย ด้วยผลิตภัณฑ์เวชสำอางค์    Medical Grade  ราคาประหยัดสุดๆ
สามารถแวะเข้าไปชมผลิตภัณฑ์MiniBrightSkincare เพิ่มเติมได้ที่ http://www.minibrightskincare.weloveshopping.com/">www.minibrightskincare.com
 หากเข้าไปดูไม่ได้ ให้Copy ลิงค์แล้วนำไปวางที่ Address  ค่ะ     สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  [email protected] หรือ   081-6592852