นำเข้า ส่งออก สินค้าทุกชนิด ราคาพิเศษ ลด 10 % ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธค. 2553 ต้อนรับปีใหม่ 2554บริษัท สุวรรณภูมิ โลจิสติกส์ จำกัด

บริษัท สุวรรณภูมิ โลจิสติกส์ จำกัด ที่อยู่ : 115 อาคารร่มโพธิแมนชั่น ห้อง 105 ถนนริมทางรถไฟสายปากน้ำ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท : www.dsawan.com ,www.businessonline.tht.in
นำเข้า ส่งออก สินค้าทุกชนิด ราคาพิเศษ ลด 10 % ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธค. 2553 ต้อนรับปีใหม่ 2554 โทร. ติดต่อ 083-0703921,0840404158 ข่าวสารการนำเข้า- ส่งออกของประเทศไทย การขนส่งทางอากาศถือเป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญในการขนส่งในระบบโลจิสติกส์ และจำเป็นจะต้องพัฒนาระบบจัดการเพื่อให้เกิดการบริการอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว ซึ่งการพัฒนาระบบการบริการดังกล่าวในทุกภาคส่วน  ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชนต้องให้ความร่วมมือกัน ด้วยเหตุนี้กรมศุลกากรซึ่งอยู่ในฐานะผู้ดูแลเรื่องพิธีการนำเข้า - ส่งออกสินค้า และเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องพัฒนาบริการ เพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้มีความก้าวหน้า นั่นหมายถึงการจัดการลดต้นทุนทางโลจิสติกส์ให้ลดลงจากเดิมที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 19-20% ของรายได้ เหลือ4-5% ซึ่งเป็นมาตราฐานของต้นทุนในระดับสากล ดังนั้นกรมศุลกากรจึงได้ร่วมมือกับบริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด หรือบีเอฟเอส หนึ่งในผู้ให้บริการคลังสินค้า(คาร์โก้)ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินการพัฒนาระบบการจัดการเพื่อเพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้าทางอากาศยาน ด้วยบริการใหม่ " E-Customs สำหรับสินค้าทางอากาศ" ซึ่งถือเป็นระบบการให้บริการคลังสินค้าและพิธีการรับส่งสินค้าทางอากาศในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไร้กระดาษ(E-Custom) ซึ่งความร่วมมือในการพัฒนาระบบนี้มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าทางอากาศของสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อก้าวสู่ความเป็นศูนย์กลางหรือฮับทางด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชีย



++กรมศุลฯดีเดย์อีคัสตอม1ม.ค.50

ต่อเรื่องนี้ ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมศุลกากร เผยว่า กรมศุลกากรได้พัฒนากระบวนการทางพิธีศุลกากรในเรื่องของการนำเข้า-ส่งออก รูปแบบใหม่บนพื้นฐานของการนำเทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็น Web Base ซึ่งเป็นระบบเปิดเพื่อก้าวสู่การส่งข้อมูลแบบไร้กระดาษหรือ e-Customs ซึ่งเป็นการพัฒนาเรื่องธุรกรรมทางศุลกากรให้เป็นการบริการผ่านอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนา

โดยจะแตกต่างจากเดิม ที่การส่งข้อมูลทางอีเล็กทรอนิคส์ควบคู่กับแบบฟอร์มเอกสารในกระดาษหรือEDI ซึ่งการส่งข้อมูลที่เป็นแบบฟอร์มกระดาษมีความยุ่งยากกว่า และเสียเวลาในการตรวจสอบและจัดเก็บ ตรงข้ามกับการทำธุรกรรมทางพาณิชย์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์นี้จะทำให้เกิดความทันสมัย ทั้งด้านพิธีการนำเข้า-ส่งออก การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร และการชำระค่าภาษีอากร ทำให้การบริการทุกจุดที่นำเข้าและส่งออกทั้งทางบก ทางเรือ และอากาศยานเป็นแบบครบวงจร สามารถเชื่อมต่อระบบคลังสินค้าตรวจปล่อยสินค้าที่สนามบินสุวรรณภูมิเกิดความรวดเร็ว ซึ่งกรมศุลฯจะประกาศใช้ระบบอีคัสตอมพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคม 2550

ดังนั้นผู้ประกอบการในธุรกิจนำเข้าและส่งออกจะสามารถใช้บริการระบบนี้ได้ทั่วประเทศ การพัฒนาระบบใหม่ถือเป็นการบริการที่ก้าวสู่ความเป็นสากล ในระดับโลก แม้แต่ประเทศยักษ์ใหญ่ของวงการโลจิสติกส์ในเอเชียอย่างจีนและญี่ปุ่นยังไม่มีระบบนี้ จะมีที่ระบบใกล้เคียงกันก็มีเพียงเกาหลีเท่านั้น



++ควงบีเอฟเอสพัฒนาบริการ

ดร.สถิตย์ ยังกล่าวต่อว่าการที่กรมศุลกากรได้รับความร่วมมือจากบีเอฟเอส ในฐานะผู้ประกอบการซึ่งเป็นคลังสินค้า 1 ใน 2 รายในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนอากาศยานสำหรับการนำเข้า-ส่งออกสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (อีกรายคือ การบินไทย ซึ่งจะมีการพัฒนาระบบดังกล่าวด้วยในอันดับต่อไป)ได้ร่วมปรึกษากันด้วยความรวดเร็ว ภายใน 6 สัปดาห์ก็สามารถติดตั้งระบบและสามารถให้บริการกับสายการบินได้ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาระบบบริการให้สามารถส่งข้อมูล และตรวจสอบบัญชีสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออกได้ ที่จะถือว่าเป็นการเข้าสู่ระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร และเมื่อผู้ประกอบการได้รับการตรวจสอบและการดำเนินการทางระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ผู้ประกอบการจะได้รับความสะดวก รวดเร็วขึ้น ซึ่งใช้เวลาทั้งระบบประมาณ 30 นาทีเท่านั้น

โดยเฉพาะการลดขั้นตอนทางกายภาพในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่เดิมต้องติดต่อหลายเคาน์เตอร์เพื่อดำเนินการพิธีทางศุลกากร โดยใช้การส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องทำแบบฟอร์มเรื่องเอกสาร เช่น ข้อมูลใบขนส่งสินค้า ข้อมูลบัญชีสินค้า (Manifest) แต่ต่อไปหลังวันที่ 1 ม.ค.50 ก็จะดำเนินการผ่านทางระบบพิธีการศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากภาคเอกชนในการส่งข้อมูลทั้งหลายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน ดร.สถิตย์ กล่าวในที่สุด



++สเต็ปต่อไปเชื่อมสู่เพื่อนบ้าน

ทั้งนี้การทำงานภายใต้ระบบอีคัสตอม หากจะกล่าวถึงการขนส่งในทางเรือ อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเริ่มให้บริการมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งที่ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือคลองเตย ท่าเรือเชียงแสน แต่ที่สนามบินสุวรรณภูมืถือเป็นเรื่องใหม่ ซึ่งบีเอฟเอสก็ถือเป็นเจ้าแรกของคลังสินค้าในสนามบินที่ให้บริการในระบบนี้ และในขณะนี้ทางบีเอฟเอสก็พร้อมที่จะใช้ระบบนี้เพื่อบริการลูกค้าแล้ว ซึ่งการกำหนดให้วันที่ 1 ม.ค.50 ต้องใช้ระบบอีคัสตอมในกระบวนการส่งข้อมูลการนำเข้า-ส่งออกและการเชื่อมโยงระบบเข้ากับคลังสินค้า ก็เพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศพิกัดอัตราศุลกากร 2007 ให้เหมือนกันทั่วโลก

อีกทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพิธีการศุลกากรในระยะต่อไป ก็จะพัฒนาอีคัสตอม ให้เป็น single window หรือการทำให้กระบวนการต่างๆที่เกี่ยวข้องมีความเชื่อมโยงกันกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเฟต 2 ที่จะทำคือการร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ และกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อทำให้การทำธุรกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี สามารถดำเนินการในรูปแบบที่ไร้กระดาษได้ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า และต่อไปก็จะขยายไปยังหน่วยงานอื่นๆ เช่น องค์การอาหารและยา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น

ส่วน เฟตที่ 3 จะร่วมมือกับประเทศหนึ่งประเทศใด ในการพัฒนาระบบอีคัสตอมในเรื่องพิธีการศุลกากรระหว่างประเทศร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการทดลองระบบอีคัสตอมกับประเทศฟิลิปปินส์ และเฟตสุดท้าย จะเป็นการร่วมมือระหว่างไทยกับประเทศในอาเซียน เพื่อให้พิธีการทางศุลกากรมีการทำงานร่วมกันในระบบอีคัสตอมทั้งหมด



++หมอเสริฐชี้อีคัสตอมเสริมเขี้ยวเล็บสุวรรณภูมิ

ขณะที่นายแพทย์ ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้อำนวยการใหญ่ สายการบินบางกอกแอร์เวยส์ เผยว่า ด้วยนโยบายรัฐและทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่จะพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางขนส่งหรือฮับโลจิสติกส์ ด้วยนโยบายดังกล่าวทางบริษัทฯ จึงหาพันธมิตรในการพัฒนาระบบสารสนเทศที่จะเข้ามาจัดการเรื่องสินค้า การพัฒนาการจัดการจากระบบเอกสารให้ทำงานรองรับระบบอี-คัสตอม ของกรมศุลกากร

การพัฒนาระบบอี-คัสตอม ถือเป็นหัวใจที่จะทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจะสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นเอเย่นต์ขนส่งสินค้าทางอากาศ ผู้นำเข้า-ผู้ส่งออก และสายการบินคาร์โก้ ซึ่งเป็นการยกระดับการบริการ ที่จะต้องมองว่าการทำงานในท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้นจะมีความรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะการทำงานของคาร์โก้ทุกวันนี้ เช่น บรรดายักษ์ใหญ่ในธุรกิจขนส่งด่วน

"อย่าง เฟดเอ็กซ์ ดีเอชแอล ยูพีเอส ทีเอ็นที ต่างคำนึงถึงเรื่องเวลาขนส่งมาก ต้องอาศัยความเที่ยงตรงมากกว่าการขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งการทำงานให้มีประสิทธิภาพจะต้องตรวจสอบได้ว่าสินค้าอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งอี-คัสตอม จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเหล่านี้เห็นความสำคัญในการเข้ามาใช้บริการและตั้งฐานการปฏิบัติการในสนามบินสุวรรณภูมิ แทนที่จะไปเลือกใช้ประเทศอื่น และด้วยภูมิศาสตร์ที่มีข้อได้เปรียบผมจึงเชื่อว่าจุดนี้จะทำให้การก้าวเป็นฮับโลจิสติกส์ของสนามบินสุวรรณภูมิได้ "นายแพทย์ปราเสริฐ กล่าวในที่สุด



++แจง 4 ประเด็นลูกค้าได้ประโยชน์

ด้านนายธวัชวงศ์ ธะนะสุมิต ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด หรือบีเอฟเอส กล่าวว่า ระบบการทำงานที่ใช้การบริการ e-Customs (ตารางประกอบ) จะทำให้ผู้นำเข้า-ส่งออกได้ประโยชน์ใน 4 ประเด็น ได้แก่ ผู้นำเข้า-ส่งออกไม่ต้องเตรียมใบขนส่งสินค้า (Declaration Form)แบบกระดาษอีกต่อไป ผู้นำเข้า-ส่งออกได้รับความรวดเร็วในการผ่านพิธีการทางศุลกากรมากขึ้น รวมถึงผู้นำเข้าสามารถรับใบสั่งปล่อยสินค้า (Cargo Permit) ได้จากบีเอฟเอสโดยตรง และผู้นำเข้า-ส่งออกยังสามารถติดตามสถานภาพของสินค้าว่าอยู่ในขั้นตอนใดในพิธีการทางศุลการักษ์ด้วย ซึ่งทุกอย่างจะเป็นการทำด้วยอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ตั้งแต่เครื่องบินนำสินค้าเข้าสู่คลังสินค้าของบีเอฟเอสไปจนถึงการตรวจปล่อยสินค้าผ่านระบบพิธีการศุลกากร

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นมิติใหม่ของการพัฒนาอี-คัสตอม ทางอากาศยาน ที่ถือเป็นก้าวที่ดีต่อการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าทางอากาศของไทย