เจาะลึกโครเอเชีย 8 วัน 5 คืน (OS) เดินทาง ม.ค. - มี.ค. 55

วันแรกของการเดินทาง กรุงเทพ ฯ – ซาเกรบ (--/-- /-- )
20.00 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ G โดยสายการบินออสเตรียน แอร์ไลน์ (OS) เจ้าหน้าที่บริษัท คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและบัตรโดยสาร
23.55 น. ออกเดินทางสู่ เมืองซาเกรบ ประเทศโครเอเชีย โดย สายการบินออสเตรียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ OS 026/681 (2355-0530+1 // 0645+1-0735+1) แวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเวียนนา

วันที่สองของการเดินทาง ซาเกรบ (โครเอเชีย) – ชมเมือง – โรวิน – โพแรค (--/L /D )
07.35 น. เดินทางถึง เมืองซาเกรบ (ZAGREB) (เวลาท้องถิ่น) เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว รถโค้ชรับนำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำซาวา (SAVA) และภูเขาเขาเมดเวดนีตซา (MEDVEDNICA) เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากว่า 1000 ปี ทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางการเมืองเศรษฐกิจ การค้า และการศึกษา นำชมย่านเมืองเก่า ซึ่งจัดแบ่งออกเป็น 2 เขต คือ Lower & Upper Town อย่างลงตัว ผ่านชมโรงละครแห่งชาติ ที่สร้างขึ้นในสไตล์นีโอบาร็อค มีลักษณะเป็นรูปตัว U และรายรอบไปด้วยสวนสาธารณะจนได้รับสมญานามว่า “The Green Horse shoe” ชมบริเวณที่เป็น สถานที่ทำการรัฐบาล (SABOR) และแกลเลอรี่ ที่บอกเล่าถึงความเป็นมาของคนชาติโครแอตที่แยกตัวออกจากยูโกสลาเวียในอดีต นำท่าน ผ่านชมมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น (St. Stephen's Cathedral) มียอดแหลมทรงกรวยคู่บนยอดวิหารตกแต่งอย่างงดงาม เป็นสถาปัตยกรรมที่มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี ซึ่งได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ในสไตล์นีโอโกธิค งดงามด้วยหอคอยแฝดปลายแหลมสีทองอร่าม ภายในประดิษฐานรูปนักบุญองค์สำคัญต่าง ๆ เช่น นักบุญเซนต์ปีเตอร์, เซนต์ปอลล์ ผ่านชมโบสถ์เซนต์มาร์ค (ST.MARK’S CATHEDRAL) โดดเด่นด้วยหลังคากระเบื้องที่ปูเป็นรูปตราของกองทหารแห่งยุคกลาง ชมกำแพงหินโบราณ ยุคศตวรรษที่ 13 ที่สร้างรายล้อมเมืองเก่าซึ่งยังคงความอัศจรรย์ของภาพพระแม่มารีที่ไม่ถูกเผาทำลายเมื่อไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปีค.ศ. 1731 จากนั้นนำท่าน ชมตลาดกลางเมือง (DOLAC MARKET) ตลาดกลางแจ้งที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรปและยังมีสีสันสุด ๆ โดยตลอดแนวถนนจะมีร้าน อาหาร คาเฟ่ต์น่ารัก ๆ ใต้ร่มสีสดใส ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย ท่านเดินทางสู่เมือง โรวิน Rovinj (259 กม.) เมืองชายทะเลที่ตั้งอยู่บนแหลมอีสเตรีย ปัจจุบันเป็นเมืองท่าที่นักท่องเที่ยวนิยมมากพักผ่อน ด้วยความที่ดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดยเวเนเชี่ยน และอยู่ภายใต้การปกครองของอิตาลีมาก่อน ทำให้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของเมืองนี้นั้นมีความคล้ายคลึงกับอิตาลีเป็น อย่างมาก เห็นได้จากอาคารบ้านเรือน ตรอกซอยขนาดเล็ก ที่พื้นปูด้วยหินก้อนเล็ก เมืองที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟ และร้านอาหาร นำท่านชม โบสถ์ St. Euphemia ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา โบสถ์สไตล์บารอกที่มียอดโบสถ์สูงถึง 61 เมตร และถือได้ว่าเป็นยอดโบสถ์ที่สูงที่สุดของแคว้นนี้ นำท่านเดินทางสู่เมืองโพเรค POREC (32 กม.) เมืองเก่าแก่อายุกว่า 2,000 ปี เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ได้รับการปกป้องจากเกาะนิโคลาสที่อยู่ใกล้ๆกัน ไม่ให้คลื่นหรือลมมรสุมพัดเข้าสู่ฝั่งได้ อีกทั้งเป็นเมืองที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่ง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ HOTEL DIAMANT POREC หรือเทียบเท่า
วันที่สามของการเดินทาง โพแรค – พูล่า (B /L /D )
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมเมืองท่าริมทะเลที่งดงาม เพลิดเพลินกับความงดงามของเมืองโพแรค เมืองท่าริมฝั่งทะเลอะเดรียติคตามอัธยาศัย เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 และเป็นเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของโครเอเชียในปี 2550 สามารถรองรับงานขนส่งสินค้าได้ถึง 13 ล้านตัน เป็นศูนย์กลางของเขตมณฑล Primorje-Gorski Kotar ตั้งอยู่บนอ่าว Kavarner ทางปากน้ำของทะเล Adriatic จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองพูล่า PULA (51 กม.) เมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นในฐานะศูนย์กลางของคาบสมุทรอิตาเลียน (ISTRIAN) เมืองปูล่าเคยเป็นเมืองของชาวโรมันตั้งแต่ปี 178 ก่อนคริสตกาล แต่ถูกจักรพรรดิออกุสตุสทำลาย และสร้างขึ้นใหม่ และเรียกชื่อเมืองว่า พีตาส จูเลีย (Pietas Julia) นำท่านเข้าชมสิ่งก่อสร้างในสมัยโรมันที่ใหญ่ ที่ยังคงเหลือเป็นอนุสรณ์คือ สนามอารีน่า (ARENA) หรือ Amphitheater สนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ที่สร้างขึ้นในยุคโรมันเรืองอำนาจ จึงถูกสร้างขึ้นตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมโรมันอย่างเดียวกับคอลอสเซียมของกรุงโรม สามารถจุผู้คนได้ถึง 22,000 คนโดยผ่านทางเข้าออก 20 ช่องทาง อารีน่าที่เห็นในปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์ให้คงสภาพตามช่วงศตวรรษที่ 15 ที่มีการนำหินไปสร้างปราสาทและเมือง ในปัจจุบันมักใช้เป็นสถานที่จัดงานโอเปร่า และดนตรีอื่นๆรวมทั้งเป็นสถานที่จัดงานภาพยนตร์ประจำปีอีกด้วย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติ พลิตวิเซ่ (228 กม.) ที่ตั้งอยู่ใจกลางของ อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เป็นอุทยานแห่งชาติ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี 1979 อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 29,482 เฮคเตอร์ พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำมีทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้า รวมกันถึง 16 ทะเลสาบ เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินสะพานไม้ลัดเลาะระหว่างทะเลสาบและเนินเขา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ JEZERO PLITVICKA JEZERA HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ของการเดินทาง อุทยานแห่งชาติพลิตวิเช่ - ล่องเรือ – ซาดาร์ – ชมเมือง-เมืองเซบีนิค – โทรกีร์ (B /L /D )
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่าน ชมอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 29,482 เฮคเตอร์ พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำ มีทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้า รวมกันถึง 16 ทะเลสาบ เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินสะพานไม้ลัดเลาะระหว่างทะเลสาบ และเนินเขา นำท่านเพลิดเพลินชมความงามของทะเลสาบและน้ำตกที่ไหลรวยรินลงสู่ทะเลสาบทั่วทุกหนทุกแห่ง ชมฝูงปลาแหวกว่ายในสระน้ำใสราวกระจกสะท้อนสีครามของท้องฟ้า แวดล้อมไปด้วยหุบเขา ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น (การเดินเที่ยวในอุทยานขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันนั้นๆ) จากนั้นนำท่าน ล่องเรือข้ามทะเลสาบ KOZJAK ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน ชมความงามของอุทยานตอนล่างและชมความงดงามของ Big Waterfalls ซึ่งท่านจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศของสายน้ำอันชื่นฉ่ำ บนพื้นน้ำสีคราม และเกาะแก่งต่างๆ ในทะเลสาบตลอดจนไม้ป่าจำพวกสน เฟอร์ ฯลฯ อิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่สวยงาม และอุดมสมบูรณ์ภายในอุทยานแห่งชาติตามอัธยาศัย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในอุทยาน
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซาดาร์ ZADAR (160 กม.) เมืองท่าสำคัญซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรขนาดใหญ่ของทะเลอาเดรียติก อดีตเป็นเมืองหลวงของแคว้นดัลเมเทียที่ร่ำรวยไปด้วยอารยธรรมโรมันที่มีประวัติศาสตร์มากกว่า 3,000 ปี ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศที่สวยงามของเมืองนี้ เดินทางถึง เมืองซาดาร์ นำท่าน ชมโบสถ์ St.Donatus ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Pre- Romanesque ที่แพร่ในยุโรปตะวันตกช่วงศตวรรษที่ 9 ถ่ายภาพกับ Roman Forum สถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของทะเลอเดรียติค จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซีเบนิค SEBINIK (75 กม.) เป็นเมืองทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกเมืองหนึ่งของประเทศโครเอเซีย นำท่าน ชมตัวเมืองเก่าริมฝั่งทะเลอาเดรียติค ที่มีหลังคาอาคารบ้านเรือนทำด้วยกระเบื้องสีส้ม สไตล์เรอเนอซองส์ ที่ได้รับอิทธิพลจากทางประเทศอิตาลี ชมสภาว่าการเมืองเก่า THE OLD LOGGIA ที่สร้างขึ้นราวปี ค.ศ.15 จากนั้นนำท่าน ชมมหาวิหารเซนต์จาคอบ (CATHEDRAL OF ST.JACOB) สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1431-1535 เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่าง 3 ศิลปกรรม คือ ดาลมาเชีย (ท้องถิ่น) ศิลปะทางเหนือของอิตาลี และทัสคานี ทั้งวิหารล้วนสร้างด้วยหินทั้งหมดไม่มีซีเมนต์ บัวใต้ชายคาเป็นรูปศีรษะคน 71 ชิ้น ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะกอธิคและเรอ เนซองส์ ซึ่งผสมผสานเข้ากันได้อย่างงดงาม แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านงานศิลปะจากยุคกอธิคสู่ยุคเรอเนซองส์ ซึ่งยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2000 และเดินทางต่อสู่ เมืองโทรกีร์ TROGIR (43 กม.) เมืองขนาดเล็กบนเกาะที่ตั้งอยู่เกือบชิดกับแผ่น
ดินใหญ่ เป็นเมืองตั้งแต่ยุคกรีกโรมัน และได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นเมืองเก่า ทั้งป้อมปราการจัตุรัส และกำแพงเมือง จึงได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกใน ปี ค.ศ. 1997 เดินทางถึง เมืองโทรกีร์จากนั้นนำท่าน ชมเขตเมืองเก่า ซึ่งมีบรรยากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน และยังเป็นเมืองที่รวบรวมเอาสถาปัตยกรรมต่างยุคไว้มากที่สุดในยุโรปตะวันออก มีทั้งโรมาเนสก์ เรอเนสซองส์ บารอค และกรีกโรมันโบราณ เช่น ประตูเมือง (KOPNENA VRATA) ที่มีการบูรณะขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 16 หอนาฬิกา (FOGGIA & CLOCK TOWER) สมัยศตวรรษที่ 14 นำท่าน ผ่านชมมหาวิหารเซนต์ลอว์เรนซ์ (Cathedral of St. Lawrence) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ในรูปแบบของศิลปะแบบโรมันเนสก์ โดยมีสิงโต อดัม & อีฟ และรูปสลักนักบุญองค์สำคัญต่าง ๆ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ PALACE TROGIR HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ห้าของการเดินทาง โทรกีร์ – สปลิท-พระราชวังดิโอคลีเธียน – ชมเมือง – ดูบรอฟนิค (B /L /D )
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองสปลิท SPLIT (28 กม. ) เมืองใหญ่อันดับที่สองรองจากเมืองซาเกรบ เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ ศูนย์กลางทางธุรกิจ การคมนาคมของแคว้นดัลเมเชี่ยน ที่องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก นำท่าน เข้าชมพระราชวังดิโอคลีเธียน (Diocletian Palace) ที่สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของ จักรพรรดิ์ดิโอคลีเธียน ที่ต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 10 ปี และองค์การยูเนสโกได้ประกาศให้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก นำท่าน ชมห้องโถงกลาง ซึ่งมีทางเดินที่เชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ชมลานกว้างซึ่งล้อมไว้ด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้าน และเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตรสวยงาม ถ่ายรูปยอดระฆังแห่งวิหาร THE CATHEDRAL BELFRY แท่นบูชาของเซนต์โดมินัส และเซนต์สตาซิอุส ซึ่งอยู่ภายในวิหาร ชมจัตุรัสประชาชน ผู้นำศาสนาคนสำคัญของโครเอเชียในยุคศตวรรษที่ 10
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองดูบรอฟนิค DUBROVNIK (220 กม.) เมืองทางตอนใต้ของสาธารณรัฐโครเอเชีย ที่มีข้ามพรมแดนติดประเทศบอสเนีย และเฮอร์เซโกวีน่า เมืองโบราณแห่งนี้เป็นหนึ่งในเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป มีฉายาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติค” ซึ่งก็นับว่าเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองโดยเฉพาะเรื่องของการวาง ผังเมืองที่สวยงาม ในอดีตเป็นเมืองที่มีอำนาจทางทะเลตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เป็นต้นมา มีอำนาจในการควบคุมการเดินเรือในทะเลเอเดรียติค และเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางธุรกิจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองเมืองดูบรอฟนิค จึงเป็นเมืองที่ร่ำรวย มีเงินทองเหลือเฟือ ในการตกแต่งพระราชวัง โบสถ์ วิหาร จัตุรัส น้ำพุ และบ้านเรือนต่างๆ อย่างงดงามตามยุคสมัย เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม ทั้งแบบกอธิค เรอเนสซองส์ และ บารอค เมืองโบราณดูบรอฟนิค เคยเป็นเป้าหมายการถูกโจมตีจากกองทหารยูโกสลาฟ บ้านเรือนกว่าครึ่ง อนุสาวรีย์ต่างๆ ได้รับความเสียหาย และทรุดโทรม จากนั้นต่อมาในปีค.ศ.1995 จึงได้มีการลงนามในสนธิสัญญา ERDUT สงบศึก องค์การยูเนสโก้จึงได้เข้าไปช่วยเหลือบูรณะ และรับให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ GRAND HOTEL PARK DUBROVNIK หรือเทียบเท่า
วันที่หกของการเดินทาง ดูบรอฟนิค – สตอน – ชมเมือง - ดูบรอฟนิค (B /L /D )
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ออกเดินทางสู่เมืองสตอน STON (53 กม.) เมืองที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทร PELJASAC เมืองสตอนถูกก่อตั้งประมาณศตวรรษที่ 14 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นดูบรอฟนิก จากนั้นมีการก่อสร้างกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองสตอน โดยใช้เวลาในการก่อสร้างกำแพงนี้ประมาณ 200 ปี มีความยาวกว่า 5.5 กิโลเมตร ตัวกำแพงเคยถูกระเบิดในสงครามปี ค.ศ. 1991 และแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1996 แต่ก็สามารถคงอยู่มาจนได้ถึงทุกวันนี้ เมืองสตอนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเรียกว่า “VELIKI STON” ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของเมืองตั้งอยู่ติดกับริมฝั่งทะเล และอีกส่วนหนึ่งเรียกว่า “MALI STON” ซึ่งตั้งอยู่อีกด้านหนึ่ง โดยมีกำแพงเมืองดังกล่าวเป็นตัวเชื่อมสองส่วนของเมืองเข้าด้วยกัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองดูบรอฟนิค นำท่าน ชมเมืองเก่า ซึ่งโอบล้อมด้วยกำแพงโบราณสูงตระหง่านในศตวรรษที่ 13 เพื่อป้องกันภัยจากศัตรู เช่น พวกอาหรับ เวเนเชียน มาชีโดเนียนและเซิร์บ และในเขตเมืองเก่า
ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างโบราณ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก และเป็นเขตชุมชนเริ่มแรกที่บรรพบุรุษชาวดูบรอฟนิคมาสร้างบ้านเมืองไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ นำท่าน ชมประตูเมือง (PILE GATE) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทางเข้าหลักของเมืองเก่า และพื้นทางเดินถูกสร้างขึ้นจากหินในปี 1537
ชมน้ำพุโบราณทรงกลม (Onofrio Fountain) เป็นน้ำพุที่ใช้หล่อเลี้ยงประชากรในยามมีศึกสงคราม นำท่านชมสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น Franciscan Monastery วิหารในสถาปัตยกรรมแบบโกธิก ร้านขายยาที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป ซึ่งดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1391 อิสระให้ท่านถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นสถานที่นัดพบประกอบกิจกรรมต่างๆ ของเมืองในอดีต อิสระให้ท่าน ถ่ายรูปกับเสาหินอัศวิน (Orlando Column) หอนาฬิกา (Bell Tower) ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลักสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1444 หน้าปัดทำด้วยเหล็ก มีความพิเศษตรงลูกกลมๆ ใต้หน้าปัดซึ่งเป็นแทนพระจันทร์บอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยก่อน และรูปปั้นของ นักบุญ St.Blaise ซึ่งมีโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โรมาเนสก์แห่งแรกของเมืองเป็นฉากหลัง และโบสถ์ The Cathedral Treasury สถานที่เก็บอัฐิของนักบุญ St. Blaise รวมถึงภาพเขียน ชิ้นงานศิลปะ วัตถุล้ำค่าจำนวนมาก รวมถึงเหรียญกษาปณ์ และทองที่มีชื่อเสียงของเมืองดูบรอฟนิคอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ GRAND HOTEL PARK DUBROVNIK หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ดของการเดินทาง ดูบรอฟนิค – ชมเมือง – กรุงเทพฯ (B /L /D )
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเข้าชม THE CATHEDRAL TREASURY หนึ่งในโบสถ์เก่าแก่ที่เก็บสะสมโบราณวัตถุของพ่อค้าที่ล่องเรือไปค้าขายกับเมืองต่างๆ ในอดีต เข้าชม RECTOR’S PALACE ศูนย์กลางการบริหารเมืองดูบรอฟนิคในอดีต ที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมกรีก – โรมัน และต่อเนื่องมาถึงยุคสมัยของ สมควรแก่เวลาเดินทางสู่สนามบินดูบรอฟนิค
15.15 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินออสเตรียน แอร์ไลน์ โดยเที่ยวบินที่ OS 684/025
( 1515-1610//2320-1505) แวะเปลี่ยนเครื่องที่เวียนนา
วันที่แปดของการเดินทาง กรุงเทพฯ (B /L /D )
1505 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ...